การเคลื่อนที่ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง

การเคลื่อนที่ของไส้เดือน
     ไส้เดือน (earth worm) ไส้เดือนจัดอยู่ในไฟลัมแอนเนลิตา (annelida) ไส้เดือนมีกล้ามเนื้อ 2 ชุด คือ กล้ามเนื้อวงกลมรอบตัว (circular muscle) อยู่ทางด้านนอก และกล้ามเนื้อตามยาว (longitudinal muscle) ตลอดลำตัวอยู่ทางด้านใน นอกจากนี้ไส้เดือนยังใช้เดือย (setae) ซึ่งเป็นโครงสร้างเล็ก ๆ  ที่ยื่นออกจากลำตัวรอบปล้องช่วยในการเคลื่อนที่ด้วย ขณะที่ไส้เดือนเคลื่อนที่ ไส้เดือนจะใช้เดือยจิกดินไว้ และกล้ามเนื้อวงกลมหดตัวส่วนกล้ามเนื้อตามยาว คลายตัว ทำให้ลำตัวยืดยาวออก เมื่อสุดแล้ว ส่วนหน้า คือ ปล้องแรกของไส้เดือนกับเดือยจะจิกดินแล้วกล้ามเนื้อวงกลมคลายตัว กล้ามเนื้อตามยาวหดตัว ดึงส่วนท้ายของลำตังเคลื่อนมาข้างหน้า การเคลื่อนที่ของไส้เดือนเกิดจากการทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อวงกลม และกล้ามเนื้อตามยาว หดตัวและคลายตัวเป็นระลอกคลื่นจากทางด้านหน้ามาทางด้านหลัง ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ไปด้านหน้า
การเคลื่อนที่ของหนอนตัวกลม
     พวกหนอนตัวกลม (round worm) จัดอยู่ในไฟลัมเนมาโทดา (nematoda) เช่น เนมาโทด (nematode) พยาธิไส้เดือนตัวกลม พยาธิปากขอ พยาธิเส้นด้าย หนอนในน้ำส้มสายชู สัตว์กลุ่มนี้จะมีกล้ามเนื้อเรียงตามความยาวของลำตัว(longitudinal muscle) เท่านั้น การเคลื่อนที่ก็อาศัยการหดตัว คลายตัวของกล้ามเนื้อชนิดนี้ ดังนั้นจึงทำให้เกิดลักษณะส่ายไปส่ายมา แต่ก็เคลื่อนที่ไปได้
การเคลื่อนที่ของพลานาเรีย
    พลานาเรีย (planaria) พลานาเรียเป็นสัตว์จำพวกหนอนตัวแบน ในไฟลัมแพลทีเฮลมินเทส(platyhelminthes) อาศัยอยู่ในน้ำ พลานาเรียมีกล้ามเนื้อ 3 ชนิด คือ กล้ามเนื้อวง (circular muscle) อยู่ทางด้านนอก กล้ามเนื้อตามยาว(longitudinal muscle) อยู่ทางด้านใน และกล้ามเนื้อทแยง(oblique muscle) ยึดอยู่ระหว่างส่วนบนและว่าวล่างขิงลำตัวพลานาเรียเคลื่อนที่โดยการลอยไปตามน้ำหรือคืบคลานไปตามพืชใต้น้ำโดยอาศัยกล้ามเนื้อวงและกล้ามเนื้อตามยาวส่วนกล้ามเนื้อทแยงจะช่วยให้กล้ามเนื้อลำตัวแบนบางและพลิ้วไปตามน้ำ ในขณะที่พลานาเรียเคลื่อนไปตามผิวน้ำซิเลีย ที่อยู่ทางด้านล่างของลำตัวจะโบกพัดไปมาช่วยให้เลื่อนตัวไปได้ดียิ่งขึ้น
การเคลื่อนที่ของแมงกะพรุน
    แมงกะพรุน (jelly fish) แมงกะพรุนมีรูปร่างเหมือนร่ม เป็นสัตว์ที่มีลำตัวนิ่มมาก มีน้ำเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของลำตัวแมงกะพรุน จัดอยู่ในไฟลัมซีเลนเทอราตา (coelenterate) เคลื่อนที่โดยการหดตัวของเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณขอบร่มและผนังลำตัวทำให้พ่นน้ำออกมาทางด้านล่างส่วนตัวจะพุ่งไปในทิศทางตรงข้ามกับน้ำที่พ่นออกมา การหดตัวนี้จะเป็นจังหวะทำให้ตัวแมงกะพรุนเคลื่อนไปเป็นจังหวะด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น